แคมเปญแบบนี้พี่ชอบ “ วิ่งตามลุงตู่ “ กับ “ วิ่งไล่ลุง “ 555

วิ่งตามลุงตู่

          จากที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่า มีการรวมกันกันของคนที่รักลุงตู่ พลเอกประยุทธ์  นายกรัฐมนตรีของไทยคนปัจจุบัน ว่าจะมีการรวมตัวกันจัดงาน วิ่งตามลุงตู่ โดยจะมีการนัดรวมตัวกันวิ่งในวันที่ อาทิตย์  ที่ 12  มกราคม   พ.ศ. 2563 โดยหากประชาชนคนไหนที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม วิ่งตามลุงตู่ จะต้องเข้าไปลงทะเบียนก่อน และภายในงานจะมีการแจกเสื้อ ประเทศกูดี ให้กับคนที่ไปวิ่งด้วย รายละเอียดของงานนั้น จัดขึ้น ณ ลานพระรูปฯ รัชกาลที่ 6 ที่สวนลุมพินี โดยลงทะเบียนตอน  8.30 น. และเริ่มออกเดิน 9.00 น.

          ซึ่งหลังจากที่มีข่าวกิจกรรมนี้ออกมาไม่ได้ ก็ได้มีกิจกรรมใหม่ออกมาโดย  นาย ธนวัฒน์ วงค์ไชย ประธานยุทธศาสตร์ สหภาพนักเรียน  นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย ได้มีการโพสต์เชิญชวนประชาชน ให้เข้าร่วมกิจกรรม  วิ่งไล่ลุง   ซึ่งกิจกรรมนี้ได้มีการโพสต์เชิญชวนผ่าน เฟสบุ๊คของนาย ธนวัฒน์เอง เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562   ลักษณะของข้อความคือ ให้ทุกคนเคลียตารางงานให้พร้อม แล้วมาเจอกันในวันอาทิตย์ ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2563  เพื่อร่วมงาน วิ่งไล่ลุง  แต่รายเอียดของงานว่าจะจัดที่ไหน อย่างไร ยังไม่ได้มีการระบุให้ทราบ 

        ซึ่งหลังจากที่มีข่าวออกมาเรื่องการจัดงานกิจกรรม วิ่งไล่ลุง นักข่าวต่างก็ไปขอสัมภาษณ์ พลเอกประยุทธ์  ถึงกิจกรรมวิ่งไล่ลุง ซึ่งพลเอกประยุทธ์ก็ให้สัมภาษณ์แบบสั้นๆ ว่า วิ่งให้ทันแล้วกัน ส่วน พล. อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นั้น ระบุว่าต้องดูก่อนว่าผิดกฎหมาย พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะหรือไม่ ถ้าไม่ผิดก็วิ่งได้

          คงต้องมารอกันว่ากิจกรรมดีๆทั้งสองกิจกรรมที่จะจัดขึ้นพร้อมกันใน วันอาทิตย์ ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2563  งานออกมาจะเป็นอย่างไรบ้าง คอยดูกันว่ากิจกรรมวิ่งไล่ลุง จะยังสามารถจัดกิจกรรมตามที่เชิญชวนประชาชนไว้ได้หรือไม่ เพราะดูเหมือนว่าประชาชนส่วนใหญ่จะพร้อมใจกันไปร่วมกิจกรรมนี้กันมากมายเหลือเกิน สังเกตจากที่ไปติดตามอ่านมาจากในเฟสบุ๊คของ นาย ธนวัฒน์ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเหมือนว่ากิจกรรมนี้จะมีอุปสรรคมากมายเหมือนกัน เกรงว่าเมื่อถึงวันจัดงานจริงๆจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นทำให้กิจกรรมนี้จัดขึ้นไม่ได้ แต่อันที่จริงประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตย

ดังนั้น การที่จะมีกิจกรรมออกมาก็ไม่น่าจะมีผลอะไรในการที่จะไม่ให้จัดงานได้ ส่วนอีกกิจกรรมคือ กิจกรรมวิ่งตามลุงตู่ นั้น คิดว่ากิจกรรมคงผ่านฉลุยแน่นอน เพราะเป็นการจัดงานจากทางรัฐบาลเอง แต่ก็ต้องมารอดูกันว่า กลุ่มคนที่รักและสนับสนุนลุงตู่จะมีมากน้อยแค่ไหน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงไม่ต้องไปบังคับข้าราชกาล และนักเรียนให้ไปลงทะเบียนวิ่งกันนะจ๊ะ 

 

สนับสนุนโดย  วิธีเล่นบาคาร่าให้บวก

เจ้านายแค้นฝังใจลูกจ้างหื่นจับข่มขืนหนีหายไป 7 ปี

เจ้านายแค้นฝังใจลูกจ้างหื่นจับข่มขืนหนีหายไป 7 ปี

เจ้านายแค้นฝังใจลูกจ้างหื่นจับข่มขืนหนีหายไป 7 ปี พอเจออีกทีจึงถูกตีน่วม

      ที่ไหนเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ใต้สะพานทางด่วนตรงถนนศรีนครินทร์ซึ่งบริเวณใต้ทางด่วนนั้นมีแอ่งน้ำอยู่โดยชาวบ้านมักจะพากันมาตกปลาอยู่ที่นี่มันเป็นประจำโดยในวันเกิดเหตุทางกู้ภัยได้รับแจ้งเหตุให้มาช่วยคนถูกทำร้ายดนตรีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสซึ่งเมื่อเดินทางมาถึงก็พบผู้บาดเจ็บนอนร้องโอดโอยอยู่ตามเนื้อตามตัวมีร่องรอยการถูกทำร้ายทั้งการทุบตีเขียวช้ำ

ซึ่งเมื่อสอบถามผู้บาดเจ็บว่าโดนอะไรมาแต่ทั้งผู้บาดเจ็บก็ไม่ยอมเล่าให้ฟังโดยข้างๆกันนั้นมีภรรยาของผู้บาดเจ็บยืนโวยวายจะเอาผิดผู้ที่ทำร้ายสามีของตนให้ได้เมื่อทางเจ้าหน้าที่ได้มีการลงตรวจสอบพื้นที่ก็พบว่าสาเหตุนั้นเกิดมาจากการทะเลาะวิวาทกันระหว่างอดีตนายจ้างของผู้ชายคนดังกล่าว

ซึ่งอดีตนายจ้างคนนั้นเป็นหญิงสาวได้เล่าให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหวังว่าต่อหน้านั้นเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว  ใช่คนที่บาดเจ็บเคยทำงานเป็นลูกจ้างที่ทำงานอยู่ในบ้านพักของเธอซึ่งเมื่อ 7 ปีก่อนเธอเคยให้ใช้คนดังกล่าวและลูกน้องอีกหลายคนเข้ามาทำงานภายในบ้านพักซึ่งเมื่อทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว

คนงานก็เดินออกจากบ้านซึ่งเธอคิดว่าหมดแล้วหลังจากนั้นเธอจึงได้กลับเข้าไปในห้องนอนของตนเองและเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้านอนแต่ปรากฏว่าระหว่างที่เธอนอนอยู่นั้นมีคนงานคนหนึ่งซึ่งก็คือคนที่บาดเจ็บนี้ได้เดินออกมาจากห้องน้ำของเธอและตรงเข้ามาหาเธอที่เตียงนอนพร้อมที่จะทำการข่มขืนเธอเธอจึงได้ทำการต่อสู้และสามารถหนีออกมาได้เบอร์โทรเดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อเอาผิดคนงานคนดังกล่าวเขาก็ได้หลบหนีไปตำรวจไม่สามารถจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้

ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกโกรธและไม่พอใจเป็นอย่างมากเธอจึงเก็บความแค้นนี้เอาไว้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลาจนในวันเกิดเหตุระหว่างที่เธอกับรถผ่านมาทางใต้ทางด่วนนั้นปรากฏว่าเพื่อนของเธอคนหนึ่งได้ชี้ให้เธอเห็นว่ามีคนมาตกปลาตรงบริเวณดังกล่าวแล้วหน้าตาเหมือนกัน คนงานที่เคยก่อเหตุทำร้ายเธอทำให้แฟนของเธอต้องการที่จะอยู่กับตัวชายคนดังกล่าวไปให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

แต่ชายคนดังกล่าวต่อสู้ขัดขืนทำร้ายแฟนเธอทำให้เธอและเพื่อนๆต้องพากันลงมาช่วยจึงได้ลงมือทุกปีผู้บาดเจ็บจึงมีสภาพอย่างที่เป็นข่าวซึ่งตัวเองก็ถูกทำร้ายจากการที่ผู้บาดเจ็บป่วยเข้ามาที่ใบหน้าส่วนแฟนของเธอนั้นก็ถูกผู้บาดเจ็บหัวลงน้ำต้องกินน้ำข้ามไปถึง 2-3 อึกครั้งนี้เธอเองก็จะเอาผิดผู้บาดเจ็บให้ถึงที่สุดเช่นเดียวกัน

 

หนุ่มน้อยใจเมียกับลูก สั่งห้ามออกนอกบ้าน

หนุ่มน้อยใจเมียกับลูก สั่งห้ามออกนอกบ้าน

หนุ่มน้อยใจเมียกับลูก สั่งห้ามออกนอกบ้าน หวั่นติดโควิด-19 กลับมา กลับเข้าห้องยิงตัวตายดับ

   ที่จังหวัดนครปฐม  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุมีคนพบศพคนยิงตัวตาย ที่ห้องนอนภายในบ้านพัก ทางเจ้าหน้าที่่จึงได้เดินทางมาตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ซึ่งพบผู้เสียชีวิตชื่อว่า  นาย อุทัย อายุประมาณ 66 ปี นอนเสียชีวิตภายในบ้านพัก ด้วยสาเหตุเอาอาวุธปืนยิงตัวเอง เมื่อสอบถามกับภรรยาและลูกชายของผู้เสียชีวิต ทางด้านลูกชายได้บอกว่า คาดว่าพ่อน่าจะน้อยใจที่คนในบ้านทั้งตัวลูกชายเองและภรรยาไม่ยอมให้นายอุทัย ออกนอกบ้าน โดยให้เหตุผลว่า ที่ไม่ให้นายอุทัยออกนอกบ้านนั้น ช่วงนี้การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มีข่าวแพร่ระบาดเยอะ ทางบ้านก็กลัวว่าหากนายอุทัยออกไปข้างนอกอาจจะติดเชื้อโควิด-19

กลับมาจึงไม่อยากให้ออกไปนอกบ้าน อีกทั้ง นายอุทัยเองก็เป็นโรคภูมิแพ้ มักจะมีอาการไออยู่บ่อยครั้ง ซึ่งอาจจะส่งผลให้ชาวบ้านนึกว่า นายอุทัยป่วยติดเชื้อโควิด-19 ก็ได้ ทำให้ภรรยาและลูกพยายามห้ามไม่ให้นายอุทัยออกจากบ้านในช่วงนี้ และนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้นายอุทัยคิดสั้นก็ได้เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่ด้ทะเลาะกับนายอุทัยเรื่องอื่น ยกเว้นเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น 

      ส่วนทางด้านภรรยาเองก็ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าสามีเป็นอัมพาตซีกซ้าย ดังนั้นอาจจะค่อนข้างขี้หงุดหงิดก่อนวันเกิดเหตุได้มีปากเสียงกันเนื่องจากไม่อนุญาตให้สามีออกไปเที่ยวนอกบ้าน จนเป็นเหตุให้สามีไม่พอใจหลังจากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอนซึ่งในวันดังกล่าวยังได้ยินเสียงเข้าของตกในห้องคิดเป็นว่าสามีน่าอาละวาดโวยวายอยู่ในห้องคนเดียวตนเองจึงได้ไปนอนอยู่บ้านญาติเพื่อที่จะได้ไม่ต้องทะเลาะกับสามีซึ่งก่อนที่สามีน่าจะยิงตัวตายได้มีการโทรไปหาลูกชายแต่ลูกชายไม่ได้รับสายหลังจากนั้นจะมีการโทรไปหาลูกสะใภ้กับลูกชายคนเล็ก

โดยมีการพูดประมาณว่าจะไม่อยู่อีกแล้วซึ่งทุกคนก็เข้าใจว่านายอุทัยน่าจะน้อยใจแล้วคิดจะย้ายออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นยังไม่มีใครสนใจอะไรจนรุ่งเช้าภรรยานายอุทัยได้เดินทางไปดูในอุทัยเพื่อจะเอาข้าวไปให้กินก็พบว่าในอุทัยเป็นศพนอนเสียชีวิตแล้วในเบื้องต้นทุกคนในครอบครัวของนายอุทัยยืนยันว่านายอุทัยไม่ได้เป็นผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19แน่นอนแต่ที่ไอและจามเยอะเนื่องจากว่าในอุทัยเป็นโรคภูมิแพ้

       เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะว่าในอุทัยเองอาจจะมีความเครียดเรื่องที่ตัวเองไม่สบายอยู่แล้วจึงอยากจะหาทางไปผ่อนคลายนอกบ้านบ้างแต่พอโดนกดดันให้อยู่แต่ในบ้านจึงเกิดความเครียดมากขึ้นกว่าเดิมจึงทำให้นายอุทัยตัดสินใจก่อเหตุยิงตัวเองตาย ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้กำลังทำให้เราได้รู้ว่าหากประชาชนโดนกักตัวอยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นเวลานานๆก็อาจจะทำให้เกิดความเครียดได้ซึ่งจะส่งผลทำให้คิดสั้นและฆ่าตัวตายได้

 

ขอบคุณ  Gclub ดาวน์โหลด  ที่ให้การสนับสนุน

เห็นภาพแล้วบาดใจ หนูน้อยเรียกหาพ่อ

หนูน้อยเรียกหาพ่อ

เป็นภาพที่น่าเศร้าใจ หนูน้อยเรียกหาพ่อ จากในโทรทัศน์ นึกถึงแม้กระนั้นมิได้พบ ชี้บิดาเป็นแพทย์ จำต้องไปช่วยคนติดเชื้อไวรัส

เห็นภาพแล้วบาดใจหนูน้อยเรียกหาพ่อ ตอนที่มองเห็นพ่อออกรายการทีวี  เด็กน้อยเปิดเผยมิได้เห็นหน้าบิดามานานเป็นอาทิตย์แล้ว เพราะว่าปะป๊าเป็นแพทย์  คนเป็นแพทย์จะต้องออกไปช่วยคนไข้ติดโรคเชื้อไวรัสโคโรนา

มีรายงานข่าวเมื่อวันที่ 2 เดือนกุมภาพันธ์ ปีพ.ศ. 2563 สำนักข่าวซินหัว ได้นำคลิปที่ใครๆที่ได้เห็นแล้วจะรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤติเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่กำลังระบาดอย่างหนักในจีนอยู่ในตอนนี้  ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ต้องมีกลุ่มหมอจำนวนหลายร้อยนายที่จำเป็นต้องห่างจากครอบครัว เพื่อที่จะต้องเดินทางไปปฏิบัติงานธุระช่วยเหลือผู้คนที่ป่วยหรือมีกลุ่มความเสี่ยงว่าจะป่วยซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง และกลุ่มหมอและพยาบาลเหล่านี้จะต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา จะไม่สามารถกลับไปอยู่บ้านได้เป็นระยะเวลานาน

ซึ่งนาย หลิวเสี่ยวเวย หมอจากโรงพยาบาลเหยียนชวน เขต ส่านซี  ก็เป็นหนึ่งกลุ่มคนที่ต้องเสียสละชีวิตส่วนตัวและชีวิตครอบครัวเพื่อไปทำหน้าที่ดูแลคนที่ป่วยเป็นโรคไวรัสโครโรนา จนไม่สามารถเดินทางกลับมาที่บ้านเป็นระยะเวลามานานร่วมอาทิตย์แล้ว เพราะเหตุว่าเขาต้องทำหน้าที่ติดดูแลคนไข้ที่ติดเชื้อโรคเชื้อไวรัสโคโรนาและในตอนที่นายหลิวเสี่ยวเวยกำลังให้ สัมภาษณ์กับสื่อ ซึ่งมีการฉายภาพออกมาทางจอของทีวี ลูกชายตัวน้อยของนายหลิว เสี่ยวเวยที่ตอนนี้ยังอยู่ในวัยที่ไม่รู้เดียงสาอะไรได้มองเห็นบิดาในทีวี ก็เลยรีบวิ่งเข้าไปหาที่ทีวี พร้อมกับที่ร้องส่งเสียงดังไปตรงทีวีว่า ปะป๊า ปะป๊า  ปะป๊า

ถึงแม้จะเป็นการเห็นหน้าพ่อทางหน้าจอทีวีแต่ก็ยังดีกว่าที่เด็กน้อยจะไม่ได้เห็นหน้าพ่อของเขาเลย  แต่เหตุการณ์ก็ยังเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ใจสำหรับใครหลายๆคนอยู่ดี เพราะถึงแม้เด็กน้อยจะสามามารถมองเห็นหน้าพ่อทางจอดีว่า แต่ก็ยังไม่ได้เจอหน้ากันจริงๆอยู่ดี  เพราะพ่อของเขายังต้องทำหน้าที่ในการดูแลคนไข้ในฐานะหมอที่ดีของประเทศชาติ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบที่สำคัญอย่างยิ่งในขณะนี้ของตัวนายหลิวเสี่ยวเวยเอง และในขณะที่นายหลิวเสี่ยวเวยได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทางรายการทีวี เขาก็ได้ฝากข้อความถึงลูกชายของเขาเพื่ออวยพรวันเกิดให้กับลูกชายของเขาด้วย  ซึ่งข้อความที่เขาส่งให้ลูกชายนั้นก็เป็นการบอกเล่าเกี่ยวกับตัวเขาเองที่ยังต้องทำงานหนักอยู่ยังไม่มีเวลาที่จะกลับบ้านแต่เขาก็ขออวยพรให้ลูกชายมีความสุขในวันคล้ายวันเกิด

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เล่นบาคาร่าออนไลน์ฟรี

ถูกหลอกให้หมั้นเสียเงินแสน

ถูกหลอกให้หมั้นเสียเงินแสน

ถูกหลอกให้หมั้นเสียเงินแสน แต่แฟนสาวกลับหนีไปแต่งงานกับชายอื่น

ในเวลานี้ข่าวที่มีผู้ชายคนหนึ่งได้มีการออกมาโพสต์ข้อความต่อว่า ฝ่ายหญิงว่ามีการโกงเงินหมั้นแล้วไปแต่งานกับผุ้ชายคนอื่นนั้นกำลังเป็นข่าวที่โด่งดังเป็นอย่างมากเพราะมีการแชร์เรื่องราวนี้กันเยอะจนปัจจุบันเป็นข่าวดังใหญ่โต หนังสือพิมพ์และทีวีต่างก็พยายามหาข่าวกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางนักข่าวได้มีการไปสอบถามกับฝ่ายชายที่เป็นคนลงโพสต์นี้ก็ได้ความว่า ตอนเองรู้จักและอยู่กินกับแฟนสาวมาเป็นเวลานานแล้ว จนทางบ้านของฝ่ายหญิงเรียกไปให้คุยกันเพื่อทำการหมั้นหมายกันไว้ก่อนเพราะตนเองยังไม่มีเงินมาขอฝ่ายหญิงแต่งาน

โดยตกลงเงินหมั้นกันไว้ที่ห้าแสนบาท แต่ตนมีเงินเพียงสองแสนกว่าบาทจึงได้มอบเงินจำนวนดังกล่าวนั้นไว้ให้ฝ่ายหญิงก่อนและจัดงานหมั้นกันเมื่อ เดือนมกราคมปีพ.ศ. 2562 โดยจัดงานหมั้นกั้นประมาณวันที่ 15  และหลังจากนั้นก็ไปมาหาสู่และไปนอนบ้านฝ่ายหญิงอยู่บ่อยบ่อยและเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาก็ยังไปนอนที่บ้านฝ่ายหญิงอยู่เลย

แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนพี่สาวของตนเองได้ส่งรูปงานแต่งงานของ ชายหญิงคู่หนึ่งมาให้ดูซึ่งเมื่อดูแล้วก็พบว่าฝ่ายหญิงคือคู่หมั้นของตนเอง ทำให้ตนได้ไปสอบถามฝ่ายหญิงซึ่งตอนแรกผู้หญิงไม่ยอมรับจนตนต้องเอารูปออกมาให้ดูฝ่ายหญิงจึงยอมรับแต่ก็บอกว่าไม่ได้เต็มใจแต่งแต่พ่อแม่จัดการให้ ซึ่งตนเองจำได้ว่าผู้ชายที่คู่หมั้นตนแต่งงานด้วยนั้นคือหัวหน้างานที่เธอทำงานด้วย

และเขาเคยรู้มาก่อนว่าผู้ชายคนนี้ตามจีบคู่หมั้นของเขาอยู่มาตอนที่คู่หมั้นเขาย้ายกลับมาทำงานใกล้บ้านใหม่ใหม่ ดังนั้นเมื่อเห็นว่าฝ่ายหญิงได้ตัดสินใจแต่งงานใหม่ไปแล้วตนเองจึงตั้งใจเลิกกับฝ่ายหญิงจึงได้คุยเรื่องการถอนหมั้นเพราะฝ่ายหญิงผิดสัญญาก่อนจึงต้องคืนเงินของหมั้นแต่เมื่อไปคุยกับพ่อแม่ของฝ่ายหญิงพวกเขากลับไม่ยอมคืนเงินให้ และบอกว่าหากอยากได้เงินให้ไปฟ้องร้องที่ศาลเอาเอง

ซึ่งเขาบอกว่ามันไม่ยุติธรรมเพราะฝ่ายหญิงเป็นคนผิดสัญญาดังนั้นจึงตอ้งคืนเงินที่ตนหมั้นคืนมาแต่หากว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่คืน ตนก็จะแจ้งความและจะไปสู้กันในชั้นศาล เพราะตนเองมีหลักฐานทั้งหมด ทั้งหลักฐานการจัดงานหมั้นของตนเอง และหลักฐานที่ฝ่ายหญิงหนีไปแต่งงานกับคนอื่น ซึ่งเมื่อนักข่าวไปสอบถามฝ่ายหญิง พ่อแม่ของฝ่ายหญิงปฎิเสธไม่ขอพูดอะไร

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  gclub

อุทาหรณ์สำหรับคนที่ชอบ ขายของออนไลน์แล้วโกง ชาวบ้าน

ขายของออนไลน์แล้วโกง

ในโลกออนไลน์ได้มีคลิปอยู่หนึ่งคลิปโดยคนที่โพสต์คลิปดังกล่าวเป็นชายหนุ่มที่สั่งซื้อสินค้าผ่านทาง facebook แล้วถูกพ่อค้าที่เปิด ขายของออนไลน์แล้วโกง

โดยตัวหนุ่มนั้นโอนเงินไปโดยที่ชายคนดังกล่าวทำการจ่ายเงินให้ก่อนแต่เมื่อจ่ายเงินไปแล้วกลับไม่ได้รับสินค้าตามที่ตกลงกันไว้และพ่อค้าที่เปิดขายของผ่านทาง facebook ก็ทำการปิดเฟสหนีไม่สามารถติดต่อได้เหตุการณ์ในครั้งนี้ จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก

เกิดขึ้นเนื่องจากว่ามีพ่อค้าคนหนึ่งเปิดขายสินค้าเป็นอะไหล่ของรถมอเตอร์ไซค์ผ่านทางระบบออนไลน์โดยเปิดขายผ่านทาง facebook ส่วนตัวของตนเองเมื่อมีลูกค้ามาติดต่อขอซื้ออะไรพ่อค้าก็จะให้ทำการโอนเงินเข้ามาให้ก่อนหลังจากนั้นก็มีนัดส่งของกันให้ผ่านทางไปรษณีย์แต่เมื่อถึงเวลาที่ควรจะได้รับสินค้าแล้วลูกค้ากลับเมื่อได้รับสินค้าตามที่ตกลงกับพ่อค้าออนไลน์ไว้และเมื่อมีการทักติดต่อกลับไปก็พบว่าพ่อค้าขายสินค้าดังกล่าวได้มีการบล็อกเบอร์โทรรวมถึงปิดเฟซหนีซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ได้มีผู้เสียหายหลายราย

ที่ทำการโอนเงินไปให้พ่อค้าแล้วไม่ได้รับสินค้าจึงทำให้ลูกค้าต่างพากันรวมตัวเพื่อตามหาพ่อค้าออนไลน์คนดังกล่าวแล้วในที่สุดก็มีลูกค้าคนหนึ่งที่ไปตามหาตัวพ่อค้าออนไลน์คนฉันเจอจึงได้ทำการอัดคลิปตอนที่มีการคุยกันกับพ่อค้าขายของออนไลน์คนนี้แล้วนำมาโพสต์ลงใน Facebook ส่วนตัวของตนเอง 

        หลังจากที่มีคลิปแรกออกมาไม่นานก็มีคลิปที่ 2 ตามมาซึ่งที่ 2 นี้จะเป็นคลิปที่ทางผู้เสียหายได้ตรงเข้าไปทำร้ายพ่อค้าขายของออนไลน์ที่โกงเงินเข้าไปซึ่งเขาได้บอกว่าเขาแค้นมากที่ถูกอมเงินกันแบบนี้จึงได้เผยลงมือทำร้ายพ่อค้าขายของออนไลน์ลงไปและหลังจากที่ทำร้ายเสร็จก็ได้บอกให้ชายหนุ่มที่โกงเงินของเขาไปทำการโอนเงินคืนกลับมา

ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางใช่คนที่อัดคลิปได้มีการให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่าเขาได้ตามหาผู้ชายที่ขายของออนไลน์คนนี้มานานแล้วโดยเขาตามหามานานเป็นปีกว่าจะเจอ ซึ่งเขารู้สึกแค้นมากที่มาหลอกลวงกันแบบนี้ตอนแรกที่รู้ว่าตัวเขาเองถูกพ่อค้าออนไลน์โกงเงินไปนั้นเขาก็ได้พยายามตามหาลูกค้าคนอื่นๆที่อาจจะถูกโกงเหมือนเขาเช่นเดียวกันซึ่งหลังจากที่รวมตัวกันแล้วจึงพบว่ามีหลายคนมากที่ถูกพ่อค้าออนไลน์คนนี้คงเดินไปดังนั้นทุกคนจึงได้รวมเงินกันเพื่อเอามาให้เขา 10,000 บาทในการใช้เป็นเงินทุนออกตามหาลาภพ่อค้าออนไลน์คนนี้และให้ลงมือสั่งสอนไม่ให้พ่อค้าออนไลน์คนนี้ได้มาก่อเหตุในลักษณะแบบนี้อีก 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  Gclub ฝากขั้นต่ำ50

ข่าว ปล้นร้านทอง แล้วนำทองไปขายร้านเดิม

ปล้นร้านทอง

  มีรายงานข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดศรีสะเกษได้รับแจ้งจากร้านทองในตัวเมืองให้มาจับคนร้าย ปล้นร้านทอง ไปเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ที่ผ่านเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงก็พบกับ นายสืบพงศ์ วงศ์บริพัฒน์ ซึ่งเจ้าของร้านทองแจ้งว่า   เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2562 นายสืบพงศ์ได้มาวิ่งราวทองของทางร้านไปเป็นจำนวน 5 บาทแล้วยังตามจับไม่ได้

แต่วันนี้นายสืบพงศ์ได้นำทอง 5 บาทที่วิ่งราวไปนำกลับมาขายต่อให้กับทางร้านจึงได้แจ้งความจับ ซึ่งนายสืบพงศ์ให้การยอมรับสารภาพว่าเป็นคนวิ่งราวร้านทองจำนวน 5 บาทของร้านนี้จริง เนื่องจากตนไม่มีเงินใช้ในช่วงเทศกาลก่อนหน้านี้นายสืบพงศ์เคยถูกจับข้อหาเสพยาเสพติดมาแล้ว และเมื่อออกจากคุกก็ได้ไปขายกาแฟที่กรุงเทพ ช่วงนี้กลับมาบ้านเพราะเป็นช่วงเทศกาล แล้วตอนนี้ไม่มีเงินใช้เลยต้องมาวิ่งราวทองในครั้งนี้และที่นำทองมาขายที่ร้านเดิมเพราะคิดว่าเจ้าของร้านคงจะจำทองไม่ได้แล้ว

สภาวะเศรษฐกิจในตอนนี้ผู้คนในสังคมล้วนตกงานกันมากขึ้น

ดังนั้นในช่วงนี้ทำให้คาดการณ์ได้ว่าจะมีโจรขโมยเยอะขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนมากเพราะก่อนหน้านี้เราจะได้ยินข่าวที่บริษัทต่างๆปิดกิจการลงไปซึ่งบางที่ก็มีการแจ้งพนักงานให้ทราบล่วงหน้าเพื่อที่จะได้เตรียมตัวหางานทำเอาไว้ก่อนแต่บางบริษัทก็ปิดกิจการโดยที่ไม่แจ้งพนักงานล่วงหน้าบางคนตื่นเช้ามาตั้งใจแต่งตัวมาทำงานพอมาถึงที่ทำงานก็เห็นซองขาวเลิกจ้างบางที่ยิ่งแย่กว่าบริษัทปิดประตูไม่ให้เข้าไปทำงานเลย ซึ่งปัญหาตอนนี้เป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะยิ่งนานไปหากคนไม่มีงานทำ พวกพ่อค้าแม่ค้าก็จะไม่มีลูกค้ามาซื้อสินค้า

เพราะคนไม่มีกำลังเงินในการนำมาใช้จ่าย ซึ่งจะเป็นบ่อเกิดทำให้เกิดปัญหาตามมาหลายอย่าง ทั้งลักเล็กขโมยน้อย เป็นโจรปล้นฆ่า วิ่งราวกระเป๋าและอื่นๆอีกมากมาย อย่างปัญหาของนายสืบพงศ์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่กำลังเป็นปัญหาของสังคมในขณะนี้ ถ้าใครที่ติดตามข่าวจะเห็นว่าสังคมเริ่มเกิดการเลื่อมล้ำกันมาขึ้น พนักงานบางบริษัทต้องตกงานในขณะที่พนักงานอีกบริษัทได้โบนัสเป็น 10 เดือน หากสังคมไทยของเราจะมีปัญหาการเลื่อมล้ำแบบนี้มากขึ้นไปเรื่อยๆ จะทำให้ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้แน่นอน สำหรับพวกเราประชาชนตอนนี้ต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเพื่อจะได้มีเงินเหลือไว้ใช้ยามจำเป็น รอให้เศรษฐกิจดีขึ้นกว่านี้แล้วค่อยใช้จ่ายตามที่อยากได้ต่อไป

 

สนับสนุนโดย  วิธีเล่นบาคาร่าให้รวย

ญาติฝ่ายหญิงที่หนีคู่หมั้นไปแต่งงานออกมาแฉ

ญาติฝ่ายหญิงที่หนีคู่หมั้นไปแต่งงานออกมาแฉ

ญาติฝ่ายหญิงที่หนีคู่หมั้นไปแต่งงานออกมาแฉ ฝ่ายชายทิ้งผู้หญิงก่อนที่จะฝ่ายหญิงจะไปแต่งงาน

 กลายเป็นสงครามของสองครอบครัว เมื่อก่อนหน้านี้มีผู้ชายคนหนึ่งออกมาโพสต์เล่าเรื่องราวของตนเองที่ถุกคู่หมั้นสาวที่อยู่ด้วยกันแล้ว หนีไปแต่งงานโดยที่ไม่บอกกล่าว ก่อนที่หลังจากแต่งงานเสร็จแล้วฝ่ายหญิงถึงได้โทรมาขอเลิกซึ่งฝ่ายชายเองก็ได้ทราบมาว่าที่ฝ่ายหญิงขอเลิกเพราะไปแต่งงานกับคนอื่น และเมื่อมีการทวงเงินงานหมั้นคืน ทางครอบครัวฝ่ายหญิงกลับไม่ยอมให้และมีเรืองฟ้องร้องกันอยู่นั้น ญาติฝ่ายหญิงที่หนีคู่หมั้นไปแต่งงานออกมาแฉ ข้อเท็จจริงแล้ว

ก่อนหน้านั้นนักข่าวได้ไปขอสัมภาษณ์ฝ่ายหญิง แต่ผู้หญิงและพ่อกับแม่ไม่พร้อมเป็นข่าวจึงได้ปิดตัวเงียบ  วันนี้ทางญาติของฝ่ายหญิงต้องการออกมาพูดในมุมของตัวเองเพื่อเป็นการแก้ข่าวให้ฝ่ายหญิงบ้างโดยมีการเล่าว่า ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงได้คบกันและอยู่ด้วยกันเหมือนสามีภรรยาจริงรวมถึงมีการจัดงานหมั้นหมายกันจริง ซึ่งฝ่ายชายเป็นคนที่ไม่ยอมทำงานทำการเอาแต่ขอเงินฝ่ายหญิงใช้ จึงได้มาอยู่ที่บ้านของผู้หญิง และอยู่ดีดีเมื่อต้นปีที่ผ่านมาผู้ชายก็เก็บเสื้อผ้าออกจากบ้านของผู้หญิงมาโดยไม่บอกกล่าวอะไรเลย และไม่ได้ติดต่อฝ่ายผู้หญิงมาเป็นเดือนแล้ว ทำให้ผู้หญิงเข้าใจว่าผู้ชายได้เลิกกับตนเองแล้ว

จึงได้ไปแต่งงานกับคนอื่น ซึ่งไม่ได้หลอกผู้ชายเลย เพราะเข้าใจว่าผู้ชายเลิกกับตัวเองแล้วเพราะติดต่อไม่ได้ และเงินหมั้นที่ไม่ยอมคืนนั้นเพราะเป็นการหักเงินค่าใช้จ่ายที่ตอนที่ฝ่ายชายมาอาศํยอยู่ด้วยได้ใช้เงินของฝ่ายหญิงไป ซึ่งเรื่องราวนี้อาจจะต้องรอให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายออกมาพูดพร้อมกัน

แต่จากที่ฟังเรื่องราวจากญาติของผู้หญิงนั้น ถึงแม้จะเป็นการเข้าใจผิดคิดว่าผู้ชายทิ้งไปแล้วจึงไปแต่งงานใหม่ก็เถอะ แต่ก็ควรจะคืนเงินค่าสินสอดทองหมั้นที่รับของเขาเอาไว้แล้ว  ด้วยตนเองก็แต่งงานไปแล้ว เพราะตอนที่อยู่ด้วยกันคาดว่าเงินนั้นก็เป็นเงินที่หาใช้ร่วมกันมากกว่า หรือหากอยากจะหักเงินก็ควรจะคืนผู้ชายบ้างบางส่วนไม่ควรเอาเงินผู้ใช้ไว้ทั้งหมด

เพราะจะเห็นได้ว่าขาดการติดต่อกับฝ่ายชายแค่เพียงไม่กี่วันก็แต่งงานใหม่แล้วแสดงว่าอาจจะมีการแอบคบกับอีกคนมาแล้วนานพอสมควร ไม่เช่นนั้นเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนคงไม่สามารถทำให้ฝ่ายหญิงตัดสินใจแต่งงานใหม่ได้รวดเร็วขนาดนี้ ซึ่ง่เรื่องนี้คงต้องรอให้ผู้หญิงออกมาพูดและหากอยากให้เรื่องจบไม่ต้องเป็นที่จับตามองของคนในสังคมก็ควรจะคืนเงินให้ผู้ชายไปซะดีกว่าไปทะเลาะกันบนศาลให้เป็นที่อับอายคนอื่น

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เล่นบาคาร่าให้ได้เงิน

ข่าวท้องถิ่นที่น่าสนใจ ตำรวจเชียงใหม่ติดหมุดที่ถนน

ตำรวจเชียงใหม่ติดหมุดที่ถนน

ข่าว ตำรวจเชียงใหม่ติดหมุดที่ถนน ตำรวจรู้ทันที่หากมีใครมาจอดทับ

         มีรายงานข่าวมาจากเชียงใหม่ว่า ตอนนี้ที่เชียงใหม่ทางตำรวจได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชียงใหม่ ตำรวจเชียงใหม่ติดหมุดที่ถนน หมุดมีลักษณะเป็นวงกลมเล็กๆ ทาด้วยสีขาว- สีแดง ตรงบริเวณที่เป็นจุดห้ามจอด เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องรถมาแอบจอดในพื้นที่ห้ามจอดและมีผลทำให้รถติด โดยผลงานชิ้นนี้เรียนว่าหมุดเซ็นเซอร์ห้ามจอดรถ ซึ่งผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานของนักศึกษาคณะวิศวกรรมของมหาลัยเชียงใหม่  ได้ทำการประดิษฐ์และออกแบบหมุดเพื่อเอามาติดที่พื้นผิวของถนนเอาไว้ตรวจจับรถที่มาจอดทับตรงจุดห้ามจอด

ซึ่งลักษณะการทำงานของเจ้าหมุดนี้จะทำงานก็ต่อเมื่อมีรถมาจอดทับตรงจุดที่มีการติดตั้งหมดไว้ เมื่อรถจอดเจ้าเครื่องนี้ก็จะส่งสัญญาณไปเตือนที่มือถือของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการติดตั้ง application ที่ผูกติดการทำงานกับเจ้าหมุดตัวนี้ไว้ และเมื่อทางตำรวจได้รับสัญญาณเตือนก็จะรีบมาตรงจุดที่มีการเตือนเพื่อทำการล็อกล้อรถยนต์ในทันที โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ระบุว่า นี่ยังเป็นเพียงการทดลองการทำงานของอุปกรณ์ชิ้นนี้เท่านั้น โดยตอนนี้มีการติดไว้บนพื้นผิวถนนประมาณ 171 จะแล้วและหากว่าการทำงานของอุปกรณ์นี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจก็จะมีการขยายพื้นที่ติดตั้งเพิ่มอีก 

          หลังจากที่ข่าวนี้ได้เผยแพร่ออกไป ก็มีความคิดเห็นแบ่งออกเป็นสองแบบ อย่างแรกหลายคนพอใจกับอุปกรณ์ชิ้นนี้ เชื่อว่าหากทำงานตามที่พูดได้จริงจะช่วยเหลือเรื่องการจราจรติดขัดได้มาก เพราะทุกวันนี้ที่ทำให้รถติดสาเหตุก็เนื่องมาจากคนชอบจอดรถข้างถนน และมักจอดตรงจุดห้ามจอด และหากอุปกรณ์สามารถจับสัญญาณการจอดได้จริงก็จะเป็นการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาก และในหลายๆจังหวัดคงต้องหาซื้อมาติดตั้งเพื่อจะได้แก้ไขปัญหาการจอดรถในที่ห้ามจอดได้ทุกจังหวัด แต่ยังมีอีกกลุ่มเสียงที่ออกมาแจ้งว่า ว่า หากอุปกรณ์นี้ใช้ได้ผลจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็คงจะรีบออกมาล็อกล้อรถยนต์กันเป็นจำนวนมากและก็จะได้มีรายได้จากการที่เรียกเก็บค่าล็อกล้อ

        ถึงแม้จะมีเสียงแตกออกเป็นสองฝ่าย แต่ผลการทดลองยังไม่ออก ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเมื่อใช้งานจริงแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งบางทีเหตุการณ์อาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่หลายคนคาดเดา เพราะหากอุปกรณ์ใช้งานได้จริงคนที่ขับรถยนต์คงมีความกลัวจะถูกล็อกล้อ แล้วพากันไม่จอดรถตรงจุดห้ามจอดก็ได้ และปัญหารถติดก็จะได้รับการแก้ไขซะที 

 

รักแท้เสี่ยเบนซ์

รักแท้เสี่ยเบนซ์

มีรายงานข่าว รักแท้เสี่ยเบนซ์ เล่าว่าเมื่อ วันที่ 12 ตุลาคม 2562 เว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ  มีเรื่องของผู้ชายชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ที่มีชีวิตรักที่ไม่ค่อยสวยหรูมากนักโดยชายคนนี้มีการโพสต์เล่าเรื่องราวความรักตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย

ซึ่งความรักของพวกเขาก็มีสุขบางทุกข์บ้างสลับกันไป แต่ความรักที่เขาตั้งใจมีการวางแผนในอนาคตอย่างดีว่าจะขอแฟนแต่งงานนั้นก็ไม่ประสบความสำเร็จเพราะเพียงแค่ 6 ปีความรักของเขากับแฟนสาวก็ต้องจบลง ด้วยเขาจับได้ว่าเธอแอบไปมีความสัมพันธ์กับเสี่ยเบนซ์  ที่มีเงินมากมายกว่าเขาหลายเท่านัก

โดยเขาได้เล่าถึงเรื่องราวของปัญหาว่า เขามักถูกแฟนสาวกดดันตั้งแต่เขาและเธอเรียนอยู่ในมหาวิยาลัย

เธอมักพูดเสมอให้เขาเรียนจบแล้วให้มีหน้าที่การเงินและอนาคตที่ดีเพื่อเธอ แต่ยิ่งเธอกดดันเขาก็ยิ่งรู้สึกแย่แต่ก็อดทนเพราะรักเธอมาก เมื่อเรียนจบเขาได้เข้าทำงานที่บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งแต่เธอก็ยังไม่พอใจ อ้างว่าเงินเดือนน้อย ต้องการให้เขามีอนาคตมากกว่านี้

สุดท้ายเขาได้เลือนตำแหน่งเป็นหัวหน้างานมีเงินเดือนมากขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว เธอจึงเลิกบ่นเรื่องเงินเดือนแต่หันมาบ่นเรื่องรถยนต์ที่เขาใช้ขับแทน เพราะรถยนต์ของเขาเก่า อยากให้เปลี่ยนรถใหม่ และยังต้องการซื้อบ้านใหม่อีกด้วย  และด้วยความรักเขาจึงพยายามเก็บเงินไม่ออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เพื่อเก็บเงิน และเริ่มซื้อรถยนต์คันใหม่และคอนโด ชายหนุ่มคิดว่าตอนนี้เขามีทั้งบ้านและรถแล้ว กำลังวางแผนเก็บเงินเพื่อขอแฟนแต่งงาน

แต่ขาก็พบว่าแฟนสาวแอบมีผู้ชายคนใหม่ที่รวยกว่า ทั้งซื้อของแบรนด์เนมให้ พาไปทานอาหารดีๆและสุดท้ายพาเข้าโรงแรม และในตอนนั้นเองเขาจึงคิดได้ว่าเขาควรจะพอกับความรักครั้งนี้ของเขาสักที เขากลับมาที่คอนโดและเก็บเสื้อผ้าของใช้ของแฟนสาวใส่ถุงดำ พร้อมปริ้นต์ภาพที่แฟนเขานอกใจแปะไว้ที่ถุงด้วย และหลังจากนั้นเขาก็เลิกติดต่อกับผู้หญิงคนนั้นทันที ปิดทุกช่องการติดต่อเลย 

สิ่งที่เกิดขึ้น ถึงแม้มันจะเจ็บปวด แต่ก็ยังดีกว่าผู้ชายคนนี้ถูกผู้หญิงคนนี้หลอกไปเรื่อยๆ

จริงๆแล้วปัญหาแบบนี้สามารถพบเห็นได้มากมาย เพราะคนทุกคนยังมีกิเลส ยังอยากมีอยากได้และไม่รู้จักพอ ปัญหาชีวิตคู่แบบนี้มีให้เห็นในทุกประเทศ และมีหลายคู่ได้ได้เห็นทาสแท้ของอีกฝ่ายก่อนที่จะแต่งงานกัน แต่ก็มีอีกหลายคู่ที่แต่งงานกันไปแล้ว แล้วเพิ่มมารู้ทีหลัง หากคนทุกคนมีความต้องการแบบพอเพียงคงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น